Aave คืออะไรและมันทำงานอย่างไร?
จากต้นแบบความสำเร็จของโทเคน LEND ของ ETHLand AAVE เป็น Governance Token บนแพลตฟอร์ม Aave ที่ทำให้ผู้ที่ถือโทเคนมีสิทธิ์โหวดออกเสียงในเรื่องบริการใหม่ๆ หรือยื่นข้อเสนอเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงต่างๆ แม้ว่าโทเคนนี้จะเพิ่งเกิดขึ้นมาใหม่ แต่ฟีเจอร์ Governance และความสำเร็จของแพลตฟอร์มการกู้ยืมก็ทำให้ราคาของมันเพิ่มสูงขึ้นมาก
หลายคนอาจคิดว่าสกุลเงินเสมือนถือเป็นแหล่งเก็บมูลค่า (Store of Value) และเป็นวิธีการป้องกันความเสี่ยงจากภาวะเงินเฟ้อที่ดีมาก แต่จริงๆ แล้ว Aave ยังมีอะไรที่มากกว่านั้น การหารายได้จากการนำโทเคนไปให้คนอื่นกู้ยืม แถมราคาก็เพิ่มสูงขึ้นจึงทำให้มันกลายเป็นโทเคนที่หลายคนสนใจ
ทำไม Aave ถึงถูกสร้างขึ้นมา
การปรากฏตัวขึ้นมาของระบบการเงินแบบไร้ตัวกลางหรือ Decentralised Finance (DeFi) ได้ช่วยเปลี่ยนโฉมหน้าการปล่อยกู้ยืมเงินแบบใหม่ขึ้นมา แต่เดิมที่ธนาคารจะทำหน้าที่เป็นตัวกลางในตลาด แต่ตอนนี้ Escrow และ Facilitator ก็ได้เข้ามาทำหน้าที่นี้ด้วยเหมือนกัน ทางสถาบันจะหาคนที่อยากลงทุนในสินทรัพย์ต่างๆ เพื่อสร้างรายได้แบบ Passive Income โดยผลตอบแทนที่ได้จะเป็นแบบคงที่ ในขณะเดียวกันก็จะมีฝั่งคนที่ต้องการเงินเข้ามาขอกู้ยืมเงินจากทางสถาบัน ดังนั้น ทางสถาบันก็สามารถหารายได้ได้จากผลต่างของดอกเบี้ยที่พวกเขาเรียกเก็บจากทางฝั่งคนกู้และฝั่งคนที่นำเงินมาลงทุน
แม้ว่าหลักการจะฟังดูง่าย แต่จริงๆ แล้วมันเป็นเรื่องที่ทำได้ยาก ทางฝั่งคนกู้จะต้องผ่านขั้นตอนต่างๆ กว่าที่พวกเขาจะสามารถกู้ได้ เพราะทางสถาบันจะกำหนดเงื่อนไข อย่างเช่น ขั้นตอนการเก็บข้อมูลเพื่อเช็คว่าคนกู้จะสามารถคืนเงินที่กู้ได้ไหม หลักประกันเพื่อป้องกันในกรณีที่เกิดการผิดชำระหนี้ และทางสถาบันเองก็ตั้งอัตราดอกเบี้ยกู้เงินไว้ที่สูงมาก
เมื่อความโลภเพิ่มมากขึ้นแต่คนที่ปล่อยกู้กลับได้เงินน้อยลงซึ่งแน่นอนว่าไม่พอกับอัตราเงินเฟ้อที่เพิ่มสูงขึ้นของสกุลเงินทั่วไป (Fiat) และในทางกลับกันกับฝั่งคนกู้ พวกเขาต้องเผชิญหน้ากับอัตราดอกเบี้ยที่สูงเกินกว่ากำลังความสามารถที่จะจ่ายคืนได้
Aave กลายเป็นแพลตฟอร์มที่ให้บริการกู้ยืมคริปโตที่นำระบบบล็อกเชนและ Smart Contract เข้ามาใช้งานเพื่อกำจัดคนที่เป็นตัวกลางออกไป ทางแพลตฟอร์มจะยื่นข้อเสนออัตราดอกเบี้ยที่ต่ำให้กับฝั่งคนกู้และอัตราดอกเบี้ยที่สูงให้กับคนปล่อยกู้ สิ่งสำคัญที่สุดของแพลตฟอร์มก็คือโทเคน AAVE ที่เป็นตัวช่วยสร้างกำไร และเป็น Governance Token ของแพลตฟอร์ม
Aave ทำงานยังไง แล้วมีเทคโนโลยีอะไรที่ขับเคลื่อนมันอยู่
Aave ถูกสร้างขึ้นมาบนระบบบล็อกเชนและใช้เทคโนโลยี Peer-to-Peer ที่ทำงานโดยคอมพิวเตอร์ที่เชื่อมต่อกันอยู่ ข้อมูลการทำธุรกรรมทั้งหมดจะได้รับการพิสูจน์ทางคณิตศาสตร์ซึ่งจะถูกแชร์ลงใน Digital Ledger โปรแกรมที่เรียกว่า Smart Contract ซึ่งทำงานอยู่บนบล็อกเชนจะทำงานเองโดยอัตโนมัติหากข้อมูลเป็นไปตามเงื่อนไขที่ถูกกำหนดไว้
ด้วยการผสมผสานการทำงานของเทคโนโลยีและ Smart Contract จึงทำให้ Aave สามารถสร้างแพลตฟอร์มการกู้ยืมขึ้นมาได้โดยที่ไม่ต้องอาศัยการทำงานของมนุษย์เลย คนทั่วไปสามารถให้คนอื่นมากู้ยืมเหรียญคริปโตของพวกเขาในอัตราดอกเบี้ยที่กำหนดกันไว้ได้ ส่วนคนที่มายืมก็จะเอาเงินกู้นั้นไปพร้อมทั้งฝากเหรียญคริปโตอื่นไว้เป็นหลักประกันด้วย ทั้งหมดนี้ไม่มีหน่วยงานที่เป็นสถาบันเข้ามาเป็นตัวกลางเลย หมายความว่าไม่จำเป็นต้องมีพวกเอกสารและการรอคอยอีกต่อไป แถมผู้กู้ก็ได้กู้ในอัตราดอกเบี้ยที่ต่ำ ส่วนผู้ให้กู้ก็ได้ผลตอบแทนในอัตราที่สูง
AAVE เป็นโทเคนที่เราสามารถนำไปใช้กู้หรือปล่อยกู้ หรือจะใช้เป็นหลักประกันสำหรับการกู้เหรียญคริปโตอื่นก็ได้ ทั้งหมดนี้ได้ช่วยเปิดโฉมหน้าโลกแห่งการเงินใหม่ขึ้นมาแล้ว และนอกจากการปล่อยกู้โทเคนจะให้ผลตอบแทนกลับมาในอัตราที่สูงมาก คุณยังสามารถนำไป Stake เพื่อรับกำไรกลับมาได้ด้วย และสุดท้ายคือมันให้สิทธิ์ในเรื่องการบริหารงานในองค์กรด้วย เนื่องจากแพลตฟอร์มนี้เป็นแบบ Decentralised Autonomous Organisation (DAO) หรือองค์กรที่ทำงานแบบไร้ศูนย์กลาง ทุกคนจึงสามารถทำหน้าที่เป็นเหมือนสถาบันได้
Aave เป็นเงินจริงไหม
ก็แล้วแต่คุณว่าจะมองมันในมุมมองแบบไหน สกุลเงินคริปโตถูกแบ่งออกเป็นหลายประเภทโดยขึ้นอยู่กับว่าหน่วยงานทางด้านกฎหมายจะมองมันยังไง และถึงแม้ว่าทางธนาคารจะไม่ได้สนับสนุน แต่ AAVE ก็มีลักษณะหลายอย่างที่เหมือนกับสินทรัพย์อื่นอย่างเช่น เงินและทองคำแท่ง
AAVE อาจจะไม่ใช่เหรียญที่มีชื่อเสียงเหมือนกับ Bitcoin หรือ เหรียญ Altcoin อื่นๆ แต่มันก็สามารถถูกใช้งานเหมือนเงินได้เช่นกัน เนื่องจากมันมีมูลค่าและสามารถใช้เป็นสื่อกลางในการแลกเปลี่ยน คุณสามารถส่งหรือรับ AAVE ได้อย่างสบายๆ เหมือนกับการส่งเงินผ่านแอปบนมือถือเลย
นอกจากนี้ AAVE ยังมีคุณสมบัติที่คล้ายกับโลหะมีค่าอย่างเช่นทองคำด้วย AAVE เป็นโทเคนที่มีจำนวนจำกัดอยู่ 16 ล้านโทเคน ซึ่งมี 13 ล้านโทเคนที่อยู่ในตลาดแล้ว ส่วนอีก 3 ล้านโทเคนที่เหลือก็จะถูกเก็บไว้เพื่อนำไปใช้ในกรณีที่เกิดเหตุฉุกเฉินเท่านั้น เมื่อโทเคนมีจำนวนจำกัดแต่ความต้องมีเพิ่มสูงขึ้นก็จะทำให้มูลค่าของมันเพิ่มสูงขึ้นเหมือนกับทองคำ
นอกจากนี้ AAVE ยังให้สิทธิ์แก่ผู้ที่ถือโทเคนในการโหวดออกเสียงเกี่ยวกับการพัฒนาบนแพลตฟอร์มด้วย ซึ่งคล้ายกับหุ้นส่วนในบริษัทที่สามารถโหวดและออกความเห็นเกี่ยวกับเรื่องการทำงานและการเงินได้ ผู้ที่ถือโทเคนสามารถเสนอความคิดในเรื่องของการบริการที่ทำอยู่หรือจะเสนอบริการใหม่ขึ้นมาก็ได้ คนอื่นๆ ในชุมชนก็สามารถโหวดได้เช่นกัน สุดท้ายแล้วเสียงส่วนใหญ่ก็จะตัดสินใจเองว่าข้อเสนอต่างๆ จะสามารถทำได้จริงหรือไม่
แม้ว่า AAVE จะเป็นโทเคนที่ให้บริการด้านการกู้ยืมในโลก DeFi แต่มันก็ยังไม่ได้รับการยอมรับจากร้านค้ามากนัก ไม่เหมือนกับ Litecoin และ Monero ที่มีร้านค้ามากมายให้การสนับสนุน อย่างไรก็ตาม อะไรๆ ก็เป็นไปได้ถ้าหาก Aave สามารถถูกนำไปใช้ในด้านอื่นๆ และได้รับการยอมรับมากขึ้น
ค่าธรรมเนียม & ค่าใช้จ่ายสำหรับ Aave
เนื่องจาก AAVE เป็นโทเคนที่ขับเคลื่อนด้วยระบบบล็อกเชน มันจึงสามารถทำงานได้โดยไม่มีข้อจำกัดเรื่องของพื้นที่เลย ไม่ว่าคุณหรือคนที่รับโทเคนจะอยู่ที่ไหนก็ตาม มันก็ไม่ได้เป็นปัจจัยที่จะไปส่งผลกระทบกับการทำงานของ AAVE ซึ่งตรงกันข้ามอย่างสิ้นเชิงกับธนาคารที่จะคิดค่าธรรมเนียมแตกต่างกันไปตามประเทศที่คุณอยู่อาศัย แต่สำหรับ AAVE ค่าธรรมเนียมจะเท่าเดิมเสมอไม่ว่าคุณจะอยู่ที่ไหนก็ตาม อย่างไรก็ตาม ค่าธรรมเนียมที่ว่านี้ก็อาจเปลี่ยนแปลงได้เหมือนกัน
AAVE ก็เป็นโทเคน ERC-20 ที่ทำงานอยู่บนระบบบล็อกเชนของ Ethereum ดังนั้น เวลาที่คุณทำธุรกรรม คุณก็จะต้องจ่ายค่า GAS ด้วย (GAS คือ ค่าธรรมเนียมที่จ่ายให้กับคนที่เป็น Miner ที่คอยช่วยตรวจสอบความถูกต้องของการทำธุรกรรม) ค่าธรรมเนียมนี้เป็นเหมือนค่าตอบแทนสำหรับแรงและเวลาที่พวกเขาช่วยเรา ในตอนที่เราเขียนบทความนี้ขึ้นมา ค่าธรรมเนียมเฉลี่ยของการทำธุรกรรมบน Ethereum อยู่ที่ $6.80
ขณะนี้เครือข่าย Ethereum จำกัดให้มีการทำธุรกรรมอยู่ที่ 10-15 รายการต่อวินาทีเท่านั้น และถ้ามีการทำธุรกรรมเยอะมากขึ้นเรื่อยๆ จนเกิดความแออัดก็จะส่งผลให้ค่าธรรมเนียมสูงขึ้นตามไปด้วย เมื่อเจอปัญหาแบบนี้ทำให้ Aave Protocol สามารถใช้งานบน Polygon ได้ด้วย Polygon เป็นเครือข่ายเลเยอร์ขั้นที่ 2 ของ Ethereum ที่สามารถทำงานได้เร็วกว่า ถูกกว่าและมีความปลอดภัยเหมือนกับเครือข่าย Ethereum ค่าธรรมเนียมเฉลี่ยของการทำธุรกรรมบน Polygon อยู่ที่ $0.000146 เท่านั้นเอง
สำหรับค่าธรรมเนียมการทำงานของ Aave Protocol ถือว่าค่อยข้างสูง และแตกต่างกันมากเมื่อเทียบระหว่างเครือข่าย Ethereum และ Polygon ในขณะที่เราเขียนบทความนี้ การปล่อยกู้และการกู้โทเคนบนเครือข่าย Ethereum จะมีต้นทุนอยู่ที่ $29.40 และ $42.30 ตามลำดับ แต่ถ้าเป็นการปล่อยกู้และการกู้บนเครือข่าย Polygon จะมีต้นทุนอยู่ที่ $0.000590 และ $0.000850 ตามลำดับ
ค่าธรรมเนียมที่สูงของ Ethereum อาจจะเปลี่ยนไปในอีกไม่ช้าเมื่อระบบได้เปลี่ยนไปเป็น ETH 2.0 ซึ่งเป็นการเปลี่ยนจากระบบการทำงานแบบ Proof of Work ที่ใช้พลังงานสูงให้กลายเป็นระบบ Proof of Stake
และเวลาที่คุณใช้บริการกับทางศูนย์ซื้อขายก็จะมีค่าธรรมเนียมอื่นๆ เข้ามาเกี่ยวข้องด้วย ทางศูนย์ฯ อาจเก็บค่าธรรมเนียมการฝาก/การถอน AAVE และค่าธรรมเนียมการเทรด (Maker Fee และ Taker Fee) แต่ละแพลตฟอร์มจะมีตารางค่าธรรมเนียมที่แตกต่างกันไป เพราะฉะนั้นคุณควรศึกษาในจุดนี้ให้ดีก่อนจะไปลงทะเบียนใช้งาน นอกจากนี้ ถ้าคุณซื้อ AAVE ด้วยการโอนเงินจ่ายผ่านทางธนาคารหรือบัตรเดบิต/เครดิต คุณก็จะต้องจ่ายค่าธรรมเนียมเพิ่มเติมให้กับทางธนาคารและผู้ให้บริการผ่านบัตรที่คุณใช้ด้วย ค่าธรรมเนียมในส่วนนี้จะแตกต่างกันไปตามพื้นที่ที่แพลตฟอร์มตั้งอยู่
ประโยชน์ของ Aave คืออะไร
สกุลเงินคริปโตทั้งหมดมีรากฐานมาจาก Bitcoin และเทคโนโลยีที่เรียกว่า บล็อกเชน สกุลเงินพวกนี้ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อให้ทำงานได้ดีกว่าสกุลเงินทั่วไป (Fiat Currency) และ AAVE ก็เป็นโทเคนหนึ่งที่มีประโยชน์มากมาย
Aave ใช้เครือข่ายการทำงานแบบ Peer to Peer ที่ช่วยให้ระบบทำงานได้เร็วมาก และใช้เวลาเพียงไม่กี่นาทีเท่านั้นในการทำธุรกรรม นอกจากจุดเด่นในเรื่องของเวลาที่ใช้บันทึกธุรกรรมลงใน Ledger ที่ว่ามานี้ เรื่องของกำลังในการทำงานก็ไม่ต้องใช้เยอะมากด้วย ซึ่งตรงข้ามกับการส่งเงินทั่วไปผ่านทางธนาคารที่ต้องใช้เวลานาน แถมคุณยังต้องเสียเวลาไปกับขั้นตอนที่มันยุ่งยากเพราะคุณต้องมานั่งอธิบายเหตุผลในการส่งเงิน ใครเป็นคนรับเงินและวัตถุประสงค์ของการทำธุรกรรมคืออะไร เรื่องวุ่นวายทั้งหมดนี้จะไม่เกิดกับ Aave มันจะช่วยให้การส่งเงินเป็นเรื่องที่สามารถทำได้ง่ายมาก
การทำธุรกรรมโอนเงินจำนวนน้อยอาจจะไปเจอกับค่าธรรมเนียมที่แพงมาก เนื่องจากค่าธรรมเนียมที่เกิดขึ้นนี้ไม่ได้ขึ้นอยู่กับจำนวนเงินที่ส่งหรือที่อยู่ของผู้รับเงิน ส่วนการทำธุรกรรมโอนเงินจำนวนมากแบบข้ามประเทศก็อาจมีค่าธรรมเนียมที่ถูกลงก็ได้
Aave เป็นสินทรัพย์ที่ทำงานด้วยระบบบล็อกเชน มันจึงเป็นระบบที่สามารถทำงานได้ด้วยตัวเองโดยอาศัยแค่กระบวนการทางคณิตศาสตร์ที่มีความซับซ้อนเท่านั้น และด้วยสาเหตุที่ไม่มีหน่วยงานใดเข้าไปควบคุมมันได้ อิทธิพลทางการเมืองจึงไม่สามารถทำอะไรกับ Aave ได้ ส่วนสูตรทางคณิตศาสตร์ที่อยู่เบื้องหลังของระบบการทำงานแบบไร้ตัวกลาง (Decentralised System) ทำให้ระบบมีความปลอดภัยและทำให้คนที่ไม่หวังดีเข้ามาขโมยโทเคนไปได้ยาก นอกจากนี้ ข้อมูลทุกอย่างก็มีความถูกต้องและโปร่งใสมาก ใครๆ ก็สามารถเข้ามาดูธุรกรรมที่เกิดขึ้นได้
ด้วยเหตุที่โทเคนมีจำนวนจำกัดจึงอาจทำให้เกิดภาวะขาดแคลน AAVE ได้ ซึ่งจุดนี้เองที่จะทำให้มูลค่าของมันเพิ่มขึ้นในระยะยาว ตรงข้ามกับสกุลเงินทั่วไป (Fiat) ที่กำลังซื้อเริ่มจะร่อยหรอลงไปเรื่อยๆ เพราะมันสามารถถูกผลิตขึ้นมาได้ไม่รู้จบ
นอกจากมุมมองทางด้านเทคนิคและเศรษฐศาสตร์ขั้นพื้นฐานแล้ว ความสามารถของระบบ DeFi ยังช่วยส่งผลดีอื่นอีกด้วย ตัวอย่างเช่น การปล่อยกู้ AAVE ผ่านแพลตฟอร์มที่ให้ผลตอบแทนสูงกว่าการลงทุนผ่านการออมในสกุลเงินทั่วไป และเมื่อดูในแง่ของการบริหารงาน มันทำให้ผู้ที่ถือโทเคนสามารถมีสิทธิ์มีเสียงที่จะสร้างหรือโหวดข้อเสนอต่างๆ ที่พวกเขาเห็นด้วย
สามารถใช้งาน Aave โดยที่ไม่ต้องเปิดเผยตัวตนได้ไหม
Aave เป็นสกุลเงินคริปโต และข้อมูลเดียวที่คุณจะสามารถตรวจสอบได้จาก Aave วอลเล็ทก็คือ Public Key (เรียกอีกชื่อหนึ่งก็คือ Wallet Address) และจำนวนเงินในธุรกรรม แม้ว่านี่จะช่วยปกปิดตัวตนของผู้ใช้งานได้ เนื่องจากในวอลเล็ทไม่ได้มีข้อมูลของผู้ใช้งานอยู่ แต่ก็ไม่มีข้อมูลอะไรบนโลกอินเทอร์เน็ตที่จะถูกปกปิดไปได้ตลอด การตรวจสอบ IP Address ในบางครั้งก็จะบอกข้อมูลของผู้ใช้งานด้วย
นี่จึงเป็นเหมือนจุดบอดของการตรวจสอบว่าใครคือผู้ใช้งาน ทำให้ทางหน่วยงานหลายแห่งออกกฎให้ทางแพลตฟอร์มคริปโตปฏิบัติตามกฎหมาย KYC และ AML ถ้าคุณใช้บริการกับทางแพลตฟอร์มที่มีตัวกลางและมีชื่อเสียงอยู่ แน่นอนว่าคุณก็ได้เปิดเผยข้อมูลของคุณไปให้กับคนพวกนั้นแล้ว เช่น ชื่อ รายละเอียดการติดต่อ ที่อยู่อาศัยและแหล่งเงินได้ของคุณ
แม้ว่าจะสามารถปกปิดข้อมูลส่วนใหญ่ได้ แต่ในที่สุดแล้วเมื่อคุณเข้าไปซื้อขาย Aave ด้วยสกุลเงินทั่วไป คุณก็จะต้องเปิดเผยข้อมูลของตัวเองอยู่ดี เพราะว่าคุณจะต้องเชื่อมต่อธนาคารหรือบัตรเข้ากับแพลตฟอร์ม
Aave มีความปลอดภัยมากแค่ไหน
บล็อกเชนเทคโนโลยีทำงานด้วยระบบแบบไร้ศูนย์กลางและไม่มีองค์กรใดที่สามารถควบคุมมันได้ ธุรกรรมต่างๆ จะถูกตรวจสอบด้วยวิธีการทางคณิตศาสตร์โดยสิ่งที่เรียกว่า Node หรือ Miner แม้ว่าจะมี Node หนึ่งที่พยายามจะทำรายการที่ไม่ถูกต้องหรือต้องการจะโกง Node อื่นๆ ก็จะเป็นคนจัดการรายการนั้นและแก้ไขทุกอย่างให้มันถูกต้อง
อย่างไรก็ตามก็ยังมีช่องโหว่ในบางจุด เช่น Loophole ใน Smart Contract ที่อาจทำให้ผู้ที่คิดไม่ดีสามารถเข้ามาควบคุมระบบและหาประโยชน์เข้าตัวเองได้ อย่างเช่น Aave Protocol ในส่วนของ Flash Loan ก็เคยมีคนเข้ามาแอบหาผลประโยชน์ แต่ทางนักพัฒนาก็สามารถแก้ไขจุดอ่อนนี้ได้อย่างรวดเร็ว
วอลเล็ทถือเป็นทางเลือกหนึ่งที่เราจะเอาไว้ใช้เก็บรักษาโทเคนให้อยู่ในที่ที่ปลอดภัย ตอนนี้มีวอลเล็ททั้งในรูปแบบซอฟต์แวร์และฮาร์ดแวร์ให้เราได้เลือกใช้กัน นอกจากนี้ 2FA และ Passphrases ยังถือเป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่ช่วยเพิ่มระดับความปลอดภัยให้สูงมากขึ้น
ทีมพัฒนา Aave คือใคร
Aave ถูกสร้างขึ้นมาโดย Stan Kulechov ในปี 2017 โดยมี ETHLand เป็นโปรโตคอลแบบ Non-custodial ซึ่งทำหน้าที่เกี่ยวกับการกู้ยืม จากที่มีการเปลี่ยนแปลงในตัวโทเคนและพัฒนาแบรนด์ขึ้นมาใหม่ในชื่อ Aave ตอนนี้ทางแพลตฟอร์มจึงทำงานได้ด้วยระบบ DAO ซึ่งหมายความว่าผู้ที่ถือโทเคนจะกลายเป็นเจ้าของบนแพลตฟอร์มด้วย
อย่างไรก็ตาม การพัฒนาในโครงการต่างๆ ก็ยังเป็นเรื่องที่ทางทีมงาน Aave ต้องเป็นผู้ตัดสินใจเองอยู่ ทีมงานที่ว่านี้ ได้แก่ ผู้ก่อตั้ง, Stan Kulechov ที่เป็น CEO, Jordan Lazaro ที่เป็น COO, Peter Kerr ที่เป็น CFO รวมถึงนักพัฒนาและโปรแกรมเมอร์
สถาบันการเงินแห่งไหนที่ลงทุนใน Aave
Aave ถือเป็นทางเลือกหนึ่งสำหรับระบบบริการการปล่อยกู้เงินแบบดั้งเดิม มันเลยเข้ามาเป็นคู่แข่งโดยตรงกับทางสถาบันหลักที่ให้บริการในด้านนี้อยู่แล้ว ดังนั้น Aave จึงไม่ได้รับการสนับสนุนจากทางสถาบันการเงินหลัก อย่างไรก็ตามก็ยังมีคนที่สนใจด้านคริปโตจำนวนมากสนับสนุนโทเคนนี้อยู่
- Blockchain.com Ventures
เป็นสาขาย่อยด้านการลงทุนของ Blockchain.com วัตถุประสงค์ขององค์กรนี้คือสนับสนุนโปรเจกต์ที่ดีและมีชื่อเสียงที่นำไปใช้พัฒนาและโปรโมทการใช้งานของบล็อกเชนเทคโนโลยี
- Standard Crypto
Standard Crypto เป็นบริษัทหลักทรัพย์ของเอกชนซึ่งถูกสร้างขึ้นมาโดยนักลงทุนที่มีชื่อว่า Adam Goldberg โดยเขาต้องการให้ความช่วยเหลือทางด้านการเงินกับโปรเจกต์ Decentralised
- Blockchain Capital
Blockchain Capital เป็นผู้ริเริ่มเกี่ยว Crypto VC (คริปโตโปรเจกต์ที่ได้รับเงินทุนสนับสนุนมาจากนักลงทุนเอกชน) ถือว่าเป็นองค์กรที่เก่าแก่มากที่สุดแห่งหนึ่งซึ่งอยู่มาตั้งแต่ปี 2013 ตอนนี้องค์กรนี้ได้ให้การสนับสนุนโปรเจกต์มากกว่า 70 โปรเจกต์ รวมทั้งโปรเจกต์ใหญ่อย่างเช่น Ripple และ Coinbase ด้วย
การขุด Aave (Mining)
AAVE เป็นโทเคน ERC-20 ที่อยู่ภายใต้การดูแลของเครือข่าย Ethereum ในตอนที่เราเขียนบทความนี้ โทเคนนี้อาศัยการทำงานของ Miner และระบบการทำงานแบบ Proof of Stake
Aave Protocol ได้รับการป้องกันโดยการ Stake ผู้ที่ถือ AAVE สามารถนำโทเคนไป Stake ใน Safety Module เพื่อที่จะได้รับผลตอบแทนเป็น AAVE ในจำนวนมากขึ้น โทเคนที่ถูก Stake อยู่นี้สามารถช่วยป้องกันภาวะที่ระบบขาดแคลนโทเคนได้
Aave วอลเล็ท
โบรกเกอร์และศูนย์ซื้อขายถือเป็นช่องทางที่ง่ายที่สุดที่คุณสามารถใช้เทรด AAVE ได้ คุณสามารถซื้อและขายได้โดยที่ไม่ต้องฝากหรือถอนโทเคนออกบ่อยๆ เลย
ถ้าคุณอยากเข้าไปใช้งาน AAVE Protocol เพื่อให้คนอื่นยืมหรือยืมเองหรือต้องการแค่อยากจะถือ Governance Token ไว้เฉยๆ ทางที่ดีที่สุดคือคุณควรจะต้องใช้วอลเล็ทส่วนตัว ตัวอย่างวอลเล็ทที่คุณสามารถเลือกใช้ได้ ได้แก่
- Ledger Nano S: เป็นฮาร์ดแวร์วอลเล็ทที่สามารถใช้เก็บโทเคนแบบ Offline ได้ซึ่งมีลักษณะคล้ายกับ USB Flash Drive
- Ethereum วอลเล็ท: เป็นวอลเล็ทบนเว็บไซต์ที่สามารถทำงานร่วมกับโทเคน ERC-20 ซึ่งคุณสามารถใช้เก็บ AAVE ได้ สามารถใช้งานได้จากทุกที่ที่สามารถเชื่อมต่อกับอินเทอร์เน็ตได้
- Trust วอลเล็ท: เป็นวอลเล็ทบนมือถือที่ใช้งานได้ง่ายมาก
AAVE เป็นสิ่งที่น่าลงทุนไหม
สกุลเงินคริปโตที่รวมถึง AAVE ยังเป็นสินทรัพย์ที่มีความผันผวน ราคาของสินทรัพย์พวกนี้ยังแกว่งตัวสูงมาก มันคงจะน่าสนใจทีเดียวถ้าราคาของ AAVE ทะยานสูงขึ้น แต่แน่นอนว่าราคาของมันก็สามารถตกลงมาในทันทีได้ด้วยเช่นกัน
คุณสามารถหาเงินจากการเคลื่อนไหวของราคาได้โดยเข้าไปซื้อที่ราคาต่ำและขายออกที่ราคาสูง (ในระยะสั้นหรือระยะยาวก็ได้) หรือจะหาเงินแบบ Passive Income โดยเอาโทเคนไปให้คนอื่นกู้หรือจะเอาไป Stake ก็ได้ เราขอแนะนำว่าคุณไม่ควรลงทุนเกินกว่ากำลังสามารถของตัวเอง
และข่าวดีสำหรับ AAVE ที่เป็นโทเคนที่มีอัตราผลตอบแทนกำไรที่สูงมาก มีทีมที่แข็งแกร่ง แถมยังมีคนดังในวงการหลายคนคอยสนับสนุนอยู่ แน่นอนว่า AAVE จะต้องมีอนาคตที่สดใสรออยู่