โบรกเกอร์ cryptocurrency ที่ดีที่สุดใน 2022
ตลอดช่วงทศวรรษที่ผ่านมา คริปโตเคอร์เรนซีได้แซงหน้าการลงทุนทุกประเภท รวมไปถึงทองคำแท่ง และมีความน่าดึงดูดในการทำกำไรสำหรับผู้คนมากมาย ความซับซ้อนของการทำความเข้าใจในวิธีการทำ
งานของตริปโตเคอร์เรนซี อาจทำให้เขาหันไปทางโบรกเกอร์ ที่สามารถช่วยในการซื้อขายเหรียญดิจิทัลได้
ผู้ใช้งานจะต้องประเมินโบรกเกอร์คริปโตเคอร์เรนซี โดยอ้างอิงจากกฎเกณฑ์ต่าง ๆ เช่น การรักษาความปลอดภัย ความง่ายในการใช้งาน และการสนับสนุนลูกค้า หากคุณพบว่า การซื้อหรือการขายสินทรัพย์คริปโตนั้นไม่ใช่สิ่งที่คุณถนัด คุณสามารถดูรายชื่อโบรกเกอร์คริปโตเคอร์เรนซีที่ดีที่สุดในปี 2021 ของเราได้
รายชื่อโบรกเกอร์คริปโตเคอร์เรนซีอันดับต้น ๆ ของเรา
ในคู่มือนี้ จะมีรายชื่อของโบรกเกอร์คริปโตที่ดีที่สุดบางรายที่มีอยู่ในปี 2021 โดยโบรกเกอร์คริปโตเคอร์เรนซีแต่ละรายด้านล่างนี้ จะมีประโยชน์ คุณสมบัติและข้อจำกัดต่าง ๆ ที่ระบุไว้ ซึ่งอาจช่วยคุณให้มีแนวคิดที่เป็นธรรมว่าแพลตฟอร์มอะไรที่เหมาะสมมากที่สุดสำหรับคุณ
โบรกเกอร์คริปโตเคอร์เรนซีคืออะไร?
โบรกเกอร์คริปโตเคอร์เรนซีคือ ผู้ที่เสนอประสบการณ์การในการซื้อขายที่ง่าย ที่มีตัวกลางคอยดูแลในทุกขั้นตอน โดยที่ผู้ซื้อทำแค่เพียงฝากเงิน และเลือกสัญญาการซื้อขายคริปโตที่เกี่ยวข้องเท่านั้น โดยในคู่มือนี้ จะมีรายชื่อโบรกเกอร์คริปโตเคอร์เรนซีที่ดีที่สุดบางราย พร้อมกับคุณสมบัติและประโยชน์ที่จะได้รับ
โบรกเกอร์คริปโตเคอร์เรนซีทำงานอย่างไร?
เช่นเดียวกันกับขั้นตอนในการลงทุนคริปโตอื่น ๆ ที่มีขั้นตอนการลงทะเบียนที่จะต้องทำ ก่อนที่จะเริ่มทำการซื้อขายกับโบรกเกอร์ ให้ลองไปที่เว็บไซต์ของโบรกเกอร์ที่คุณเลือก และไปที่ลงทะเบียนหรือปุ่มลงทะเบียน ซึ่งมักจะอยู่ที่มุมบนขวามือของหน้าหลัก
ขั้นตอนในการลงทะเบียนจะแตกต่างกันไป แต่โดยมักจะกำหนดสองสิ่งที่ต้องใช้คือ ชื่อและที่อยู่อีเมล เมื่อยืนยันเรียบร้อยแล้ว อีเมลจะถูกส่งโดยโบรกเกอร์ใปยังที่อยู่ที่ได้ใส่ไว้ ซึ่งเป็นขั้นพื้นฐานในการยืนยันว่าเป็นเจ้าของอีเมลที่ได้ให้ไว้จริง ๆ โดยการยืนยันสามารถทำได้ผ่านลิงค์เว็บไซต์ในการยืนยัน
โบรกเกอร์คริปโตที่มีชื่อเสียง มักจะถามถึงเอกสารภายใต้ข้อบังคับ รู้จักลูกค้าของคุณ (KYC) และการต่อต้านการฟอกเงิน (AML) ซึ่งโบรกเกอร์สามารถเรียกร้องเพื่อการตรวจสอบ KYC/AML ในฐานะที่เป็นส่วนหนึ่งของขั้นตอนการลงทะเบียน หรือสอบถามในภายหลังได้ โดยส่วนมากจะขึ้นอยู่กับขอบเขตอำนาจในการตัดสินที่ได้ลงทะเบียนไว้
โดยการยืนยันจะแตกต่างกันออกไปจากตำแหน่งที่อยู่ และประเทศ แต่ประเภทของเอกสารที่ต้องการโดยทั่วไปส่วนมากคือ
- บัตรประจำตัวประชาชนที่ออกโดยรัฐบาล (ใบอนุญาตขับขี่ หนังสือเดินทาง และอื่น ๆ)
- หลักฐานที่อยู่ (ใบแจ้งหนี้ค่าสาธารณูปโภค สัญญาเช่า และอื่น ๆ)
- ที่มาของรายได้ (สลิปเงินเดือน รายการบัญชีเงินฝากธนาคาร)
โบรกเกอร์ยังสมารถถามถึงข้อมูลอื่น ๆ ได้อีกเช่น รูปภาพของผู้ที่ทำการซื้อขายในขณะที่ถือบัตรประจำตัวประชาชนที่ออกโดยรัฐบาล เบอร์โทรศัพท์ และแม้กระทั่งสัมภาษณ์ผ่านทางวิดีโอ นี่อาจะดูว่าเป็นการละเมิด แต่เนื่องจากโบรกเกอร์ต้องปฏิบัติตามข้อบังคับ ทำให้การตรวจสอบเหล่านี้เป็นสิ่งที่จำเป็น
โบรกเกอร์บางรายอาจะไม่ถามถึงเอกสารหรือการยืนยันใด ๆ และข้ามขั้นตอนการตรวจสอบ KYC/AML โดยสิ้นเชิง ซึ่งนี่อาจดูน่าสนใจ เนื่องจากการตรวจสอบโดยพื้นฐาน ที่จะถามถึงข้อมูลส่วนบุคคลและบางครั้งอาจใช้เวลาหลายวันในกการทำให้เสร็จ แต่สิ่งที่ดีที่สุดคือ การหลีกเลี่ยงโบรกเกอร์ดังกล่าว เนื่องจากโบรกเกร์เหล่านั้นอาจไม่ได้ลงทะเบียนกับหน่วยงานที่ได้รับอนุญาต ดังนั้น จึงเป็นสิ่งที่ผิดกฎหมาย และอาจเป็นการหลอกลวงที่จะเดินจากไปพร้อมกับเงินของคุณได้
หลังจากลงทะเบียนและยืนยันเรียบร้อยแล้ว ผู้ใช้งานจะสามารถเข้าถึงสัญญาและการซื้อขายที่เสนอโดยโบรกเกอร์ได้ แต่อย่างไรก็ตาม บัญชีโบรกเกอร์จะต้องมีการฝากเงินเข้าไปก่อนเป็นอย่างแรก ซึ่งอาจทำได้ทั้งการฝากเงินผ่านธนาคารหรือบัตรเครดิต/เดบิต ให้ไปที่ส่วนของการฝากเงินในบัญชีของคุณ เพื่อให้ทราบถึงวิธีการที่โบรกเกอร์สนับสนุน
ผู้ใช้งานสามารถเริ่มการซื้อขาย เมื่อฝากเงินไปยังบัญชีโบรกเกอร์แล้ว โดยแพลตฟอร์มเหล่านี้ จะนำเสนอผลิตภัณฑ์ตราสารอนุพันธ์ต่าง ๆ เช่น สัญญาส่วนต่าง (CFD) CFD คือสัญญาตราสารอนุพันธ์ ที่ให้ผู้ที่ทำการซื้อขายเดิมพันบนความแตกต่างของมูลค่าในอนาคตของคริปโตเคอร์เรนซี โดยที่ผู้ซื้อขายจะเลือก long position หากคาดการณ์ว่าราคาจะเพิ่มสูงขึ้น และเมื่อสัญญาถูกปิด หากราคาสินทรัพย์คริปโตมีการเพิ่มขึ้น บัญชีของนักลงทุนรายย่อยก็จะได้กำไร (หลักจากหักค่าธรรมเนียมโบรกเกอร์แล้ว) ในกรณีที่ราคาตกลง บัญชีของนักลงทุนก็จะเสียเงิน
ยังมีสัญญาประเภทอื่น ๆ อีกโบรกเกอร์อาจนำเสนอเช่น Option และ Future โบรกเกอร์ยังอาจนำเสนอตัวเลือก Leverage เพิ่มเติมในสัญญาอีกด้วย ซึ่งจะให้โอกาสในการทำกำไรเพิ่มมากขึ้น (และลดโอกาสในการสูญเสียด้วยเช่นกัน)
เมื่อปิดการซื้อขายและมีกำไรเกิดขึ้น ผู้ที่ทำการซื้อขายและนักลงทุนจะมีตัวเลือกในการถอนเงิน โดยขั้นตอนนั้นเรียบง่าย เพียงแค่ไปที่บัญชี และส่งคำร้องขอถอนไปยังบัญชีธนาคาร
การใช้โบรกเกอร์ vs การแลกเปลี่ยน
ถึงแม้ว่าการซื้อขายในการแลกเปลี่ยนคริปโตและการใช้โบรกเกอร์จะทำงานบนหลักการเดียวกัน แต่ทั่งคู่ก็ยังมีความแตกต่างเป็นอย่างมากอยู่
ในการแลกเปลี่ยนคริปโต ผู้ซื้อขายจะทำการซื้อและขายเหรียญและโทเคนโดยตรง โดยคำสั่งจะถูกส่งไปที่ book และจะดำเนินการก็ต่อเมื่อมีคู่ที่ตรงกันเท่านั้น ส่วนโบรกเกอร์จะเสนอผลิตภัณฑ์ของตราสารอนุพันธ์ที่ผู้ใช้สามารถซื้อขายได้ และไม่จำเป็นต้องกังวลเกี่ยวกับการจัดเก็บคริปโตเคอร์เรนซีเลย
การแลกเปลี่ยนจะเสนอบริการต่าง ๆ สำหรับคริปโตเคอร์เรนซีและมีข้อกำหนดดังต่อไปนี้:
- กระเป๋าเงิน: ผู้ใช้งานจะต้องเก็บคริปโตไว้ในการแลกเปลี่ยน และโอนเพื่อการซื้อและขาย
- การแลกเปลี่ยนส่วนมากจะมีข้อจำกัดของส่วนต่างที่รองรับ และกำหนดการฝากล่วงหน้าสำหรับคำสั่งซื้อและขาย
ในทางตรงกันข้าม โบรกเกอร์จะเสนอสัญญาต่าง ๆ :
- คำสั่งซื้อและขายง่าย ๆ ที่ตลาดพรีเมี่ยมสำหรับสภาพคล่องในทันที
- CFD สำหรับการทำกำไรของราคาในอนาคตของสินทรัพย์คริปโต ผู้ซื้อขายสามารถใช้ความแตกต่างของราคาในระหว่างตอนที่เปิดและปิดการซื้อขายได้
- Option จะอนุญาตให้ปิดสัญญาก่อนหมดอายุได้
- Leverage จะให้ยืมเงินเพื่อเพิ่มมูลค่าของสัญญาได้
การใช้โบรกเกอร์นั้นง่ายมาก ๆ แต่อย่างไรก็ตาม สัญญายังคงทำให้การซื้อขายมีความเสี่ยงที่จะสูญเสียเงินจำนวนมากได้ ดังนั้น ผู้ใช้งานจะต้องมีความรู้บางอย่าง ก่อนที่จะทำการซื้อขายในคริปโตเคอร์เรนซีด้วย
การซื้อขาย vs การซื้อ
ทั้งการซื้อขายและการซื้อให้ประโยชน์ที่แตกต่างกันสำหรับผู้ที่ทำการซื้อขายและผู้ใช้งาน หากบุคคลใดสนใจในการถือคริปโตเคอร์เรนซี การซื้อก็จะเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุด การแลกเปลี่ยนจะเตรียมคริปโตเคอร์เรนซีที่ต้องการให้กับผู้ใช้งาน ซึ่งโดยทั่วไปจะมีค่าบริการเพิ่มเติม จากนั้นคริปโตเคอร์เรนซีก็จะถูกฝากเข้าไปในกระเป๋าเงินของผู้ใช้งาน ซึ่งผู้ใช้งานจะสามารถถอนไปยังกระเป๋าเงินภายนอกได้ สำหรับระยะสั้น การซื้อจะให้ความเป็นเจ้าของคริปโตเคอร์เรนซีแก่ผู้ใช้งาน
ในทางตรงกันข้าม การซื้อขายไม่เคยให้ความเป็นเจ้าของคริปโตเคอร์เรนซี จะมีเพียงแค่สัญญาเท่านั้นที่ให้ผู้ใช้งานได้ใช้ข้อตกลงและปิดมัน จากนั้นเก็บกำไร (หรือเสีย) โดยการซื้อขายให้ประโยชน์ของการทำกำไร จากความผันผวนของราคาของคริปโต โดยที่ไม่ต้องมีความยุ่งยากในการเป็นเจ้าของสินทรัพย์คริปโต และเป็นตัวเลือกที่น่าดึงดูดมากกว่าสำหรับหลาย ๆ คน
สิ่งสำคัญในการพิจารณาเมื่อเลือกโบรกเกอร์คริปโตเคอร์เรนซีที่ดีที่สุด
มีโบรกเกอร์คริปโตเคอร์เรนซีออนไลน์มากมาย ที่ให้ผู้คนได้ซื้อหรือซื้อขายคริปโตเคอร์เรนซีได้อย่างง่ายดาย การเลือกโบรกเกอร์ที่ใช่อาจมีความยากเล็กน้อย อย่างไรก็ตาม ยังมีบางแง่มุมที่จะต้องดู ก่อนที่จะทำการเลือก:
- ความน่าเชื่อถือ: โบรกเกอร์จะต้องน่าเชื่อถือ โบรกเกอร์ที่ดีจะลงทะเบียนกับหน่วยงานท้องถิ่นและแสดงหมายเลขในการลงทะเบียนเสมอ
- วิธีการชำระเงิน: จะเป็นอย่างไรถ้าโบรกเกอร์นั้นดีและน่าเชื่อถือ แต่กลับไม่มีวิธีการชำระเงินที่ธนาคารท้องถิ่นของคุณรองรับ? โปรดตรวจสอบเกี่ยวกับช่องทางในการเชื่อมต่อกับธนาคารด้วย
- ค่าธรรมเนียม: โบรกเกอร์ทำกำไรได้ จากการเรียกเก็บค่าธรรมเนียมประเภทต่าง ๆ ซึ่งอาจรวมไปถึง ค่าบริการเพิ่มเติม ดอกเบี้ยในสัญญา และยังอาจเรียกเก็บจากการฝากหรือการถอนอีกด้วย
- KYC/AML: ขึ้นอยู่กับขอบเขตอำนาจศาลของโบรกเกอร์ ที่อาจถามถึงการยืนยันง่าย ๆ หรือการยืนยันที่ซับซ้อนที่อาจใช้เวลาในการทำให้เสร็จสมบูรณ์ บางครั้งที่ตั้งของผู้ที่ทำการซื้อขายยังสามารถจำกัดประเภทของการซื้อขาย ที่อาจทำได้หรือไม่ได้รับการสนับสนุนโดยสิ้นเชิง
- สัญญา: ไม่ใช่ทุกโบรกเกอร์ที่เสนอสัญญาทุกประเภท ตัวอย่างเช่น อาจมี CFD แต่ไม่มี option หรือ future เป็นต้น
- ส่วนต่อประสานกับผู้ใช้งาน: ถึงแม้ว่าโบรกเกอร์จะนำความยุ่งยากออกจากการซื้อขายให้ แต่ส่วนต่อประสานกับผู้ใช้งานอาจยังค่อนข้างซับซ้อนสำหรับบางคน โบรกเกอร์บางรายเสนอส่วนต่อประสานที่ง่ายกว่าสำหรับผู้ที่มีประสบการณ์น้อยอีกด้วย
ข้อดีและข้อเสียของการใช้โบรกเกอร์คริปโตเคอร์เรนซี
ข้อดี
จุดด้อย
ความคิดสุดท้าย
โบรกเกอร์ ซึ่งถูกออกแบบมาสำหรับผู้คน ที่ปรารถนาจะทำการซื้อขายมากกว่าการลงทุนในระยะยาว และเสนอวิธีการที่ง่ายกว่า โดยโบรกเกอร์จะเสนอผลิตภัณฑ์ตราสารอนุพันธ์ ที่มีแนวโน้มไปทางผู้คนที่ต้องการทำกำไรจากการซื้อขายคริปโตเคอร์เรนซี แต่ไม่ต้องการที่จะซื้อมันในตอนแรก Leverage ยังช่วยให้ผู้ซื้อขายทำกำไรได้มากกว่าที่พวกเขาจะทำได้จากการแลกเปลี่ยน ผู้ใช้งานจะต้องประเมินโบรกเกอร์คริปโตเคอร์เรนซีต่าง ๆ ในหลายปัจจัยเช่น การรักษาความปลอดภัย ความปลอดภัย การบริการลูกค้าและข้อบังคับ ก่อนที่จะเลือกแพลตฟอร์ม
คำถามที่พบบ่อย
-
คำตอบคือ เหมาะ มีโบรกเกอร์มากมายที่จัดเตรียมสิ่งที่ต้องการสำหรับผู้ซื้อขายรายเล็ก และให้ตัวเลือกแบบอัตโนมัติในการทำให้การซื้อขายง่ายขึ้นด้วย
-
หากสัญญาของคุณเกิดการสูญเสีย ท้ายที่สุดก็จะนำไปสู่มูลค่า ที่โบรกเกอร์จะร้องขอให้คุณฝากเงินเพิ่มไปยังสัญญา หรือเสี่ยงไปกับสภาพคล่อง ซึ่งแต่ละโบรกเกอร์จะมี margin ที่ต้องการของตัวเอง
-
โดยทั่วไป โบรกเกอร์จะชำระหนี้ position ของคุณด้วย margin call และจะไม่ปล่อยให้จำนวนเงินคงเหลือของคุณต่ำกว่าศูนย์ ทางที่ดีที่สุดคือ การปรึกษากับโบรกเกอร์ของคุณก่อนที่จะเริ่มทำการซื้อขาย
-
Futures จะมีการผูกมัดกับเวลาของสัญญาที่จะหมดอายุเมื่อครบกำหนด ส่วน Perpetuals คือรูปแบบของ Future แต่ไม่มีวันหมดอายุ
-
สัญญาที่ใช้ในการเดิมพันว่า คริปโตเคอร์เรนซีจะมีมูลค่าตกลง จะเรียกว่า short position
-
ในทุกวันนี้ มีแพลตฟอร์มการซื้อขายมากมายที่เสนอทั้งบริการการแลกเปลี่ยนและโบรกเกอร์
-
โปรดสอบถามโบรกเกอร์ของคุณ ว่ามีกลไกใด ๆ เกี่ยวกับเรื่องนี้หรือไม่ โบรกเกอร์บางรายไม่เสนอการปกป้องใด ๆ ในราคาที่แกว่งไปมาในวันหยุดสุดสัปดาห์ ซึ่งทำให้สัญญามีความเสี่ยงมากกว่า
-
เนื่องจากตลาดคริปโตไม่เคยหลับใหล โบรกเกอร์ส่วนใหญ่จึงเสนอการซื้อขายตลอดเวลาและทุกวัน