การขุด ไม่เพียงแค่เป็นวิธีที่คริปโตเคอร์เรนซีใช้ ในการรักษาความปลอดภัยเครือข่ายเท่านั้น แต่ยังเป็นสร้างเหรียญใหม่อีกด้วย ซึ่งทำได้โดยการแก้ปัญหาการคำนวณที่ซับซ้อน เพื่อแสดงหลักฐานว่า นักขุดได้ทำงานจริง ๆ ด้วยเหตุนี้ จึงทำให้มีชื่อว่า Proof of Work (PoW) Bitcoin Cash ซึ่งเป็นการแยกออกมาจากบล็อกเชน Bitcoin ดั้งเดิม ซึ่งใช้ PoW และนักขุดก็มีบทบาทที่สำคัญ การขุดสามารถทำได้โดยการใช้คอมพิวเตอร์ของคุณเองหรือเข้าร่วม pool กับนักขุดรายอื่น เพื่อรวมพลังในการคำนวณ เพื่อให้ประสบความสำเร็จมากขึ้น
ข้อมูลต่าง ๆ ของการขุด Bitcoin Cash
ในบทช่วยสอนนี้ จะอธิบายรายละเอียดเกี่ยวกับวิธีการเริ่มขุด Bitcoin Cash โดยก่อนทีจะเริ่มต้นการขุด คุณจะต้องเข้าใจพื้นฐานบางประการที่เกี่ยวกับการขุดด้วยตัวเอง
การขุด Bitcoin Cash คืออะไร?
แต่เดิม การไหลของเงินจะถูกควบคุมโดยสองหน่วยงานได้แก่ ธนาคารกลาง ที่ควบคุมโดยรัฐบาลที่ออกหน่วยของสกุลเงินใหม่ และธนาคารทั่วไปที่รับและส่งเงินในนามของคุณในบัญชีของคุณ โดยทำหน้าที่เป็นผู้มีอำนาจและคนกลาง ที่มีอำนาจในการควบคุมการเคลื่อนไหวของเงินทั้งหมด ธนาคารกลางสามารถสร้างธนบัตรและเหรียญได้มากตามที่เห็นสมควร จึงทำให้เกิดภาวะเงินเฟ้อ ในขณะที่ธนาคารทั่วไป สามารถบล็อกธุรกรรมของคุณได้ และแม้กระทั่งระงับบัญชีของคุณ ซึ่งทำให้การเงินของคุณกลายเป็นตัวประกัน
Bitcoin Cash (BCH) เป็นคริปโตเคอร์เรนซีที่ทำงานบนความเชื่อที่ว่า บุคคลควรควบคุมเงินของตนได้อย่างสมบูรณ์ และไม่มีฝ่ายอื่นใดที่ควรมีสิทธิในการจัดเก็บหรือใช้เงินเหล่านี้ การขุดเป็นกระบวนการที่การทำธุรกรรมทั้งหมดได้รับการตรวจสอบ ซึ่งทำให้ธนาคารรายย่อยหมดอำนาจ ในฐานะอนุญาโตตุลาการของธุรกรรม
นักขุด จะมีสำเนาบัญชีแยกประเภทฉบับสมบูรณ์อยู่กับพวกเขา และจะอัปเดตสิ่งเหล่านี้เป็นชุด เรียกว่าบล็อก จากนั้นบล็อกเหล่านี้ จะถูกเผยแพร่บนเครือข่าย เพื่อให้นักขุดรายอื่นอัปเดตบัญชีแยกประเภทของพวกเขา โดยบล็อกจะถูกสร้างขึ้นจากการแก้ปัญหาการเข้ารหัสลับโดยการใช้พลังในการคำนวณ ซึ่งเทียบเท่ากับดิจิทัลในการพยายามขุดทรัพยากรทางกายภาพ ดังนั้นจึงเรียกว่า นักขุด ซึ่งเหมือนกันกับผลลัพธ์ของการขุดจริง ๆ ที่นักขุดจะได้พบกับสินทรัพย์ โดยที่นักขุด Bitcoin Cash จะได้รับผลตอบแทนเป็นเหรียญ BCH ที่ถูกสร้างขึ้นใหม่ และผลจากการออกสกุลเงินนี้ ยังทำให้ธนาคารกลางล้าสมัยอีกด้วย
ทำไมนักขุด Bitcoin Cash ถึงมีความสำคัญ?
ตามที่อธิบายไว้ในตอนเริ่มต้น นักขุด Bitcoin Cash เป็นกระดูกสันหลังของเครือข่าย เนื่องจากพวกเขาไม่เพียงแค่อัปเดตบัญชีแยกประเภทเท่านั้น แต่ยังรับประกันความปลอดภัยของทั้งระบบอีกด้วย ซึ่งก่อนที่คริปโตเคอร์เรนซีสมัยใหม่จะเกิดขึ้น ความพยายามในครั้งก่อนนั้นล้มเหลวเนื่องจากปัญหา “การใช้จ่ายซ้ำซ้อน” ซึ่งทำให้ผู้เข้าร่วมสามารถใช้สกุลเงินดิจิทัลของตนได้สองครั้งในสองธุรกรรมที่แตกต่างกัน โดยผู้รับทั้งสองจะได้รับเงินที่ตัวที่สองทำซ้ำ และเกิดการสร้างเงินจำนวนมากขึ้นจากอากาศบาง ๆ นั้น จะกัดกร่อนการตั้งค่าทั้งหมด
เพื่อให้แน่ใจว่า สิ่งนี้จะไม่เกิดขึ้น ทุกธุรกรรมจะต้องได้รับการตรวจสอบโดยนักขุด ก่อนที่จะได้รับจากอีกฝ่าย ธุรกรรมที่ตรวจสอบแล้วจะถูก ‘hash’ หรือเข้ารหัสในบล็อกเชน และลอยอยู่ในเครือข่ายเพื่อให้นักขุดรายอื่นอัปเดตบันทึกของพวกเขาเป็นชุดของบล็อก เมื่อธุรกรรมได้รับการยืนยันแล้ว จำนวนเงินจะถูกหักออกจากกระเป๋าเงินของผู้ส่งและโอนเข้าบัญชีของผู้รับ บัญชีแยกประเภทที่อัปเดตแล้ว จะให้ข้อมูลที่เหมือนกันแก่นักขุดทุกคน ดังนั้น จึงทำให้ไม่สามารถใช้เหรียญเดียวกันสองครั้งได้
และเพื่อให้แน่ใจว่า นักขุดมีความจริงใจและไม่โกงเครือข่าย Bitcoin Cash ดังนั้น พวกเขาจึงต้องพิสูจน์ว่าพวกเขาทำงานจริง ๆ ซึ่งสามารถทำให้าำเร็จได้ด้วยการไขปริศนาทางคณิตศาสตร์ภายใต้ฉันทามติของ Proof of Work (PoW) เนื่องจากนักขุดใช้พลังงานไฟฟ้าและเวลาในการไขปริศนา (เรียกว่า การขุด) พวกเขาจึงจะได้รับการชดเชย เป็นผลตอบแทนและค่าธรรมเนียมในการทำธุรกรรมที่เกี่ยวข้อง พลังในการคำนวณของ Bitcoin Cash จะถูกวัดเป็น hash ต่อวินาที ยิ่งมีนักขุดและพลังในการประมวลผลที่ทุ่มเทให้กับเครือข่ายมากเท่าไร hashrate ก็จะยิ่งสูงขึ้นเท่านั้น เพื่อให้แน่ใจว่า การแข่งขันจะยังคงมีความยาก BCH จะปรับความซับซ้อนของปัญหาทางคณิตศาสตร์ เมื่อมีนักขุดและกำลังในการขุดเพิ่มมากขึ้น ในขณะเดียวกัน จะมีการปรับลดปัญหา ในกรณีที่มีนักขุดออกจากเครือข่าย ซึ่งเป็นการรักษาเวลาในการตรวจสอบบล็อกให้คงที่
ข้อจำกัดในการขุด Bitcoin Cash
Bitcoin Cash คือการแยกออกมาจากเครือข่าย Bitcoin ดั้งเดิม ในช่วงปลายฤดูใบไม้ผลิปี 2017 Bitcoin ประสบปัญหาเรื่องความสามารถในการขยายขนาด ด้วยความนิยมที่เพิ่มขึ้น บล็อกเชนทั้งหมดมีการทำงานที่ต่ำ ด้วยเพดานขนาด 1MB ต่อบล็อก ทำให้จำนวนของธุรกรรมที่สามารถบันทึกได้ในแต่ละบล็อกนั้นต่ำเกินไป สำหรับเครือข่ายในการรักษาความเร็ว ความขัดแย้งจึงเกิดขึ้นในชุมชนของนักพัฒนา ซึ่งเกี่ยวกับวิธีในการแก้ไขปัญหานี้ โดยที่กลุ่มหนึ่งต้องการเพิ่มขีดจำกัดขนาดบล็อกเป็น 8MB และเมื่อทั้งสองกลุ่มไม่สามารถยอมรับกันได้ พวกเขาจึงแยกทางกัน โดย Bitcoin Cash ได้เริ่มต้นบทบาทของตัวเองในบล็อกเชนด้วยขนาดบล็อกที่ใหญ่ขึ้น ซึ่งได้เพิ่มขึ้นถึง 32MB ในปัจจุบันนี้
นอกเหนือจากขนาดบล็อกแล้ว Bitcoin Cash ยังมีข้อจำกัดในการขุดทั้งหมดของ chain ของ Bitcoin หลักอีกด้วย ซึ่งก็คือ ภาวะเงินฝืด โดยมีจำนวน 21 ล้านเหรียญที่สามารถสร้างได้และยังคงใช้เวลาในการสร้างบล็อกอยู่ที่ 10 นาที โดย BCH ใช้อัลกอริทึมในการขุด SHA-256 เช่นเดียวกัน และผลตอบแทนยังลดลงครึ่งหนึ่งทุก ๆ 4 ปีโดยประมาณ โดยมีผลตอบแทนอยู่ที่ 6.25 BCH สำหรับนักขุดในปัจจุบัน และมีเวลาในการสร้างบล็อกที่ 10 นาที ซึ่งเป็นตัวรับประกันความยากในการขุดที่ไม่แน่นอน เมื่อมีการจัดสรรพลังในการขุดมากขึ้น ปริศนาทางคณิตศาสตร์ก็จะมีความซับซ้อนเพิ่มขึ้น เพื่อลดเวลาให้กลับไปเป็นช่วงเวลา 10 นาที ในทำนองเดียวกัน ถ้า hashrate ลดลง สมการจะแก้ได้ง่ายขึ้น เพื่อรักษาเวลาในการสร้างบล็อก
เคล็ดลับในการขุด Bitcoin Cash อย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อผลกำไรที่มากขึ้น
เมื่อเข้าใจพื้นฐานของการขุดแล้ว คุณก็สามารถเริ่มการดำเนินการขุด Bitcoin Cash ของคุณเองได้ เมื่อพิจารณาถึง hashrate ของ BCH ในปัจจุบันแล้ว การขุดเดี่ยว จะทำกำไรได้ก็ต่อเมื่อคุณมีงบประมาณจำนวนมากและสามารถซื้ออุปกรณ์หลายเครื่องเพื่อให้ทำงานร่วมกันได้ การใช้อุปกรณ์ที่มีขนาดเล็กลง ถึงแม้จะทรงพลัง แต่ก็ไม่สามารถทำได้อีกต่อไป เพราะการใช้ไฟฟ้าของเครื่องขุดและระบบระบายความร้อนจะสูงมาก และไม่น่าเป็นไปได้ที่คุณจะได้รับผลตอบแทนได้สำเร็จ เนื่องจากพลังในการขุดทั้งหมดของเครือข่าย ทำให้ตัวเลือกที่ดีที่สุดคือ การเข้าร่วม mining pool ของ Bitcoin Cash หรือการใช้วิธี cloud mining
มุมมองทางด้านเทคนิคของการขุด Bitcoin Cash
ในการขุดอย่างมีกำไรของ Bitcoin Cash คุณจะต้องเข้าใจก่อนว่า hashrate คืออะไรและจะส่งผลต่อความสามารถในการขุดของคุณอย่างไร
Hashrate อย่างง่ายสำหรับ Bitcoin Cash
- Hashrate หมายถึงอะไร?
Hashrate คือ ความสามารถหรือพลังในการคำนวณที่สามารถไขปริศนาทางคณิตศาสตร์ที่จำเป็นในการหาบล็อกได้ โดย hashrate ของเครือข่ายบล็อกเชนจะสะท้อนให้เห็นถึงพลังในการประมวลผลทั้งหมดที่ทุ่มเทให้กับระบบนิเวศ โดยวัดจากจำนวน hash ที่ดำเนินการในทุกวินาที (h/s)
- ทำไม Hashrate ที่สูงขึ้นจึงสำคัญ?
Hashrate ที่สูงขึ้นหมายความว่า เครื่องขุดของคุณมีพลังในการประมวลผลที่มากขึ้น ดังนั้น จึงมีโอกาสมากขึ้นในการแก้สมการและได้รับผลตอบแทน สำหรับการขุดบล็อกที่ประสบความสำเร็จ เมื่อมีคอมพิวเตอร์และนักขุดเข้าร่วมเครือข่ายมากขึ้น กำลังในการขุดทั้งหมดก็จะเพิ่มขึ้น โค้ดของ Bitcoin Cash จะชดเชย hashrate ที่สูงขึ้นและปรับความยากในการขุด เพื่อให้บล็อกยังคงถูกสร้างขึ้นโดยเฉลี่ย 10 นาทีและในทางกลับกันด้วยเช่นกัน
Hashrate ยังสามารถตีความได้ว่า เป็นความสมบูรณ์ของเครือข่าย BCH ได้อีกด้วย ซึ่งการกระจายอำนาจนั้นหมายความว่า ไม่มีหน่วยงานหรือกลุ่มใดสามารถเข้าควบคุมเครือข่ายได้ ซึ่งการที่จะทำเช่นนั้นได้ จะต้องมีการควบคุมอำนาจส่วนใหญ่ ซึ่งเรียกว่า การโจมตี 51% และด้วย hashrate ที่สูงกว่า การละเมิดความปลอดภัยจึงทำได้ยากขึ้น เนื่องจากเป็นไปไม่ได้เลยที่จะร่วมมือกันให้ได้ 51% เพราะจะต้องมีฮาร์ดแวร์และค่าใช้จ่ายในการดำเนินการเพิ่มมากขึ้น
- Hashrate วัดได้อย่างไร?
เช่นเดียวกันกับการวัดทุกอย่างที่เกี่ยวข้องกับคอมพิวเตอร์ hashrate จะถูกวัดเป็นทวีคูณของ 1024 ต่อวินาที กล่าวคือ kilohashes/วินาที, megahashes/วินาที, terahashes/วินาที และอื่น ๆ โดย Bitcoin Cash จะอยู่ที่ประมาณ 1.6 exahashes/s (1.6 Eh/s) ซึ่งหมายความว่า นักขุดมีพลังในการคำนวณการคำนวณ 1.6 quintillion (1,000,000,000,000,000,000) ต่อวินาที
กำลังในการประมวลผล: CPU & GPU
ในช่วงแรก ๆ ของการขุด Bitcoin มีคอมพิวเตอร์ไม่กี่เครื่องที่ทำการขุด และเป็นไปได้ที่จะขุดด้วยเดสก์ท็อปและแล็ปท็อปทั่วไป โดยใช้พลังงาน CPU ที่มีอยู่ ต่อมาเมื่อผู้คนตระหนักว่า การ์ดกราฟิกหรือ GPU ของพวกเขามีประสิทธิภาพมากกว่า CPU พวกเขาจึงเริ่มพัฒนาซอฟต์แวร์การขุดเพื่อการขุด
เมื่อเวลาผ่านไป มีการพัฒนามากขึ้นเรื่อย ๆ ในชุมชนการขุด นักขุดจึงเริ่มใช้ Field Programmable Gate Arrays (FPGA) และเครื่องขุดประมวลผลเฉพาะที่เรียกว่า ASIC (Application Specific Integrated Circuits) เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสิทธิผลในการขุดให้สูงสุดในกรณีของ BCH และส่งผลให้มีพลังในการขุดอย่างมหาศาลสำหรับเครือข่าย ซึ่งหมายความว่า เพื่อแข่งขันชิงผลตอบแทนอย่างสมเหตุสมผล นักขุดแต่ละคนจะต้องการ hashrate ที่สูงมาก
Hashrate ที่จำเป็นในการขุด Bitcoin Cash อย่างมีกำไร
ที่มา: CoinWarz.com
ถึงแม้จะมี hashrate ที่ต่ำที่สุด เครือข่าย Bitcoin Cash ก็ไม่เคยลดลงต่ำกว่าอัตรา 185 petahash/วินาที ทำให้ ASICs ที่มีพลังในการขุดสูงสุด เป็นวิธีเดียวในการขุด BCH เนื่องจากการแยกตัวออกจาก chain ดั้งเดิมของ Bitcoin หลังจากที่ ASIC ได้ยืนยันอำนาจของพวกเขา และตัวเลือกการขุดแบบ Pool หรือ cloud mining ก็มีความสลับซับซ้อนเช่นเดียวกัน และคุณต้องระมัดระวังอย่างมากในการเลือกตัวเลือกที่เหมาะสม เพราะเกรงว่าคุณจะขาดทุน
ข้อดีและข้อเสียของการขุด Bitcoin Cash
ข้อดี
- ผลตอบแทนสามารถทำกำไรได้มากและในฐานะนักขุด คุณสามารถทำเงินได้ดี
- ผลตอบแทนสำหรับการขุดที่ประสบความสำเร็จนั้น ยังสามารถเสริมด้วยค่าธรรมเนียมในการทำธุรกรรมได้อีกด้วย
- การเลือก mining pool ที่ดีสามารถเพิ่มโอกาสในการได้รับผลตอบแทนได้
- เครือข่าย Bitcoin Cash ปลอดภัยได้ ด้วยความพยายามในการขุดของคุณ
- ASIC ที่ล้าสมัยยังสามารถขายมือสองได้ เนื่องจากยังมีความต้องการสำหรับเครือข่ายอื่นอยู่
จุดด้อย
- Hashrate สูงหมายความว่า คุณอาจขาดทุนหากคุณไม่สามารถแข่งขันได้
- ASICs ต้องใช้แหล่งจ่ายไฟจำนวนมาก และทำให้คุณต้องเสียค่าไฟจำนวนมาก
- Pool สามารถลดผลตอบแทนของคุณได้ เมื่อมีการแจกจ่ายให้กับสมาชิก
DIY การขุด Bitcoin Cash - วิธีการเริ่มต้น
ตอนนี้ คุณก็มีแนวคิดแล้วว่า การขุดคืออะไร รวมถึงประเด็นทางเทคนิค เช่น hashrate ดังนั้น คุณสามารถเริ่มโครงการขุด Bitcoin Cash ของคุณเองได้แล้ว หากคุณสนใจการขุดผ่าน ASIC ไม่ว่าจะเป็นการขุดเดี่ยวหรือโดยการเข้าร่วม pool คุณควรรู้ว่า เครื่องขุดใดเหมาะที่สุดสำหรับคุณ
ฮาร์ดแวร์การขุดที่ดีที่สุดสำหรับ Bitcoin Cash
ในขณะที่ตัดสินใจเลือกฮาร์ดแวร์ที่คุณต้องใช้ในการขุด Bitcoin Cash คุณควรพยายามใช้อุปกรณ์ที่ทรงพลังที่สุด เนื่องจากพวกมันให้โอกาสในการค้นหาบล็อกได้สำเร็จและรับผลตอบแทนได้มากขึ้น อย่างไรก็ตาม ยังมีปัจจัยอื่น ๆ อีก เช่น การลงทุนเริ่มแรก ข้อกำหนดในการทำความเย็น และอัตราการใช้ไฟ ที่คุณต้องพิจารณา และนี่คือบางเครื่องขุดที่คุณอาจสนใจ
สำหรับมือใหม่ที่ยังไม่พร้อมที่จะลงทุนอย่างหนัก คุณสามารถดู Avalon6 ได้ในราคาประมาณ $650 ใน Amazon ซึ่งอาจไม่มีประสิทธิภาพมากนัก เมื่อเทียบกับเครื่องอื่น ๆ ในตลาด โดยทำได้ 3.5 Th/s และกินไฟ 1kW ทุกชั่วโมง
หากคุณคิดว่า Avalon6 อาจไม่เหมาะกับคุณ ให้ลองใช้ DragonMint T1 ซึ่งเป็น ASIC ที่ทันสมัยกว่า ที่สามารถให้ได้สูงถึง 16 Th/s แต่ก็ใช้พลังงานมากกว่ามาก DragonMint T1 เป็นอุปกรณ์ที่มีราคาแพง และมีพลังเพิ่มขึ้น 4.5 เท่าจาก Avalon6 ซึ่งแปลงเป็นราคาได้เกือบสามเท่าครึ่ง โดยมีราคาอยู่ที่ $2,767 ในตลาด เป็นอุปกรณ์ที่มีความต้องการสูงขึ้นมาก และคุณอาจต้องรอไปอีกสักพักที่จะสามารถมีมันได้ เนื่องจากมีรายชื่อรอคิวที่ยาวมาก
คุณสามารถทำทุกอย่างในเครื่องขุดได้ โดยการซื้อ Antminer S19 Pro ซึ่งอาจจะเป็น ASIC สำหรับการขุด Bitcoin Cash ที่ทรงพลังที่สุด ที่มี hashrate ราวกับสัตว์ร้ายที่สร้างได้อย่างน่าตกใจถึง 110 Th/s และกำลังที่สูงกว่ามาพร้อมกับราคาที่สูงขึ้น โดย S19 Pro มีราคา $3,770
ยังมีเครื่องขุดอื่น ๆ อีกมากมายในตลาดท่ามกลางสามเครื่องนี้ คุณสามารถตรวจสอบ hashrate และการใช้พลังงานได้ โดยใช้เครื่องคำนวณการขุดที่ดี (มีมากมายให้ใช้งานออนไลน์ได้ฟรี) เพื่อป้อนข้อมูล รวมไปถึง utility rates ของคุณ เพื่อค้นหาว่า เครื่องใดมีโอกาสสูงสุดในการให้ผลกำไรแก่คุณ
ค่าใช้จ่ายอื่น ๆ ที่ต้องพิจารณา
มีค่าใช้จ่ายหลายประการที่เกี่ยวข้องกับการขุด ASIC ก่อนอื่น คุณจะต้องเข้าใจว่าอุปกรณ์ประเภทนี้ขายแบบแยกชิ้น และหลาย ๆ เครื่องก็ไม่ได้มาพร้อมกับแหล่งจ่ายไฟด้วยซ้ำ ซึ่งแหล่งจ่ายไฟของ S1 Pro สามารถทำให้เงินลงทุนของคุณเพิ่มขึ้นได้มากถึง $150
ตำแหน่งของคุณก็เป็นปัจจัยสำคัญอีกประการหนึ่ง ก่อนอื่นคุณต้องตรวจสอบว่า บริษัทไฟฟ้าของคุณกำลังเรียกเก็บคุณออยู่ที่เท่าไหร่ ประเทศในแถบตะวันตกมีแนวโน้มที่จะมีอัตราที่สูงกว่า และสถานที่อย่างเช่นจีน มีอัตราที่ต่ำที่สุด ประการที่สอง การจัดเก็บและการระบายความร้อน โดยพื้นที่ในเขตเมืองจะมีอากาศอบอุ่นมากกว่าและเท่ากับความต้องการความเย็นที่มากขึ้น ซึ่งสภาพอากาศที่เย็นกว่า สามารถช่วยลดต้นทุนนี้ได้อย่างมาก แต่ก็ยังสามารถชดเชยได้อีก หากคุณซื้ออุปกรณ์ที่ใหญ่กว่า ซึ่งมีพัดลมที่หนักกว่า
หากมีความเป็นไปได้มากที่คุณจะเข้าร่วม mining pool ก็ให้ตรวจสอบตำแหน่งทางกายภาพด้วย การดำเนินการที่ถูกกว่า จะส่งผลกระทบต่อการมีส่วนร่วมในการขุดและผลตอบแทนที่สูงกว่า
เริ่มการขุด!
เมื่อตั้งค่าฮาร์ดแวร์ทั้งหมดแล้ว คุณสามารถเริ่มการขุดได้ทันที แต่สิ่งที่คุณยังต้องมีตอนนี้คือ กระเป๋าเงิน Bitcoin Cash ที่คุณสามารถเก็บผลตอบแทนและซอฟต์แวร์ที่จำเป็นในการทำงานของเครื่อง ซึ่ง Bitcoin Cash ใช้การเข้ารหัส SHA-256 แบบเดียวกันกับรหัส Bitcoin ดั้งเดิม ดังนั้น คุณจึงสามารถใช้ซอฟต์แวร์การขุดใด ๆ ที่ออกแบบมาสำหรับมันได้
BTCMiner เป็นตัวเลือกยอดนิยม ที่อาจเป็นเพราะไม่จำเป็นต้องใบอนุญาตได้ โดยมาพร้อมกับอินเทอร์เฟซ USB และสามารถตั้งค่าเพื่อขุด Bitcoin Cash ได้อย่างง่ายดาย และ CGMiner ก็ยังเป็นซอฟต์แวร์การขุดยอดนิยมอีกด้วย โดยมาพร้อมกับคุณสมบัติขั้นสูงบางอย่าง เช่น การตรวจสอบระยะไกล การควบคุมอุปกรณ์ได้จากทุกที่ หากคุณเป็นผู้ใช้ Apple คุณควรลองดู RPC Miner ซึ่งรองรับ iOS
หากคุณสนใจ mining pool ก็มีอยู่หลาย pool ด้วยกัน โดยมี BTC.com, F2Pool, ViaBTC และ Bitcoin.com เป็นกลุ่ม BCH 2-3 รายที่ใหญ่ที่สุด โดยที่บางรายอนุญาตให้ทำการขุดได้หลายเหรียญ ดังนั้น คุณจึงสามารถรับคริปโตอื่น ๆ ได้อีกด้วย เมื่อคุณเข้าร่วม
วิธีการ/บริการด้านการขุด
พลังของการกระจายอำนาจยังหมายถึง การเชื่อมต่อระหว่างกัน และนั่นคือสิ่งที่นักขุดหาประโยชน์มาเป็นเวลานานแล้ว hashrate exa ของ BCH หมายความว่า คุณจะทำกำไรไม่ได้เลย หากคุณมีเครื่องขุดเพียงไม่กี่เครื่องในมือ ทางออกที่ดีที่สุดสำหรับนักขุดในปัจจุบันคือ การรวมตัวกันและรวบรวมพลังในการประมวลผล จึงเป็นที่มาของชื่อ mining pool
พลังที่รวมกันจะทำให้คุณได้เปรียบในการได้รับผลตอบแทน เนื่องจาก hashrate ที่สูงขึ้นของ pool ทำให้มีโอกาสมากขึ้นในการขุดบล็อกได้สำเร็จ อย่างไรก็ตาม เนื่องจากคุณมีส่วนร่วมเพียงส่วนหนึ่งของพลัง ส่วนแบ่งผลตอบแทนของคุณก็จะลดลงมาก ถึงแม้ว่าจะสม่ำเสมอกว่าก็ตาม มี 3 วิธีที่ mining pool กำหนดผลตอบแทนของผู้เข้าร่วมคือ
- Pay Per Share (PPS): เป็นวิธีที่ตรงไปตรงมาที่สุด ซึ่งรับประกันว่า คุณจะได้รับการจ่ายเงินคงที่ตามผลงานของเครื่องขุดของคุณ โดยไม่คำนึงว่า บล็อกจะถูกขุดหรือไม่ จึงทำให้คุณมีรายได้ที่มั่นคง แต่เสียเปรียบในการได้สิทธิ์ของการแบ่งปันในผลตอบแทน
- Full Pay Per Share (FPPS): ใน FPPS คุณจะได้รับการรับประกันว่า จะมีการจ่ายเงินคงที่เช่นเดียวกับ PPS แต่ด้วยอัตราที่ต่ำกว่า ซึ่งจะได้รับการชดเชยด้วยการแบ่งปันค่าธรรมเนียมในการทำธุรกรรมใด ๆ ที่ pool ได้รับ และได้รับผลตอบแทนต่างหากอีก
- Pay Per Last N Shares (PPLNS): เป็นระบบการชำระเงินที่มีความเสี่ยงสูงกว่ามาก PPLNS ไม่มีการจ่ายเงินคงที่หรือการแบ่งปันค่าธรรมเนียมในการทำธุรกรรม โดยจะมีเฉพาะผลตอบแทนจริงเท่านั้นที่จะได้รับการแบ่งปันกับผู้เข้าร่วม และความเสี่ยงที่สูงขึ้นคือ การได้รับการชดเชยด้วยโอกาสในการจ่ายเงินที่มากขึ้น
เมื่อคุณตัดสินใจได้แล้วว่า จะเข้าร่วมกลุ่มใด คุณก็สามารถไปที่เว็บไซต์และลงทะเบียนได้เลย ในการลงทะเบียนของคุณจะมีคำแนะนำเกี่ยวกับวิธีเชื่อมต่อซอฟต์แวร์การขุดของคุณกับ pool
สำหรับผู้ที่ยังคงต้องการขุดแต่พบว่า การลงทุนเริ่มแรกในการเป็นเจ้าของและใช้งานเครื่องขุด ASIC นั้นเกินงบที่มี ก็จะมีทางเลือกอื่นอีกเช่น cloud mining โดยการขุดแบบ cloud mining คือ การที่คุณเช่าพลังในการประมวลผลจากบุคคลอื่นหรือกลุ่มอื่น โดยจ่ายเป็นรายเดือน (หรือรายสัปดาห์/รายวัน) โดยคุณซื้อสัญญาตามระยะเวลาที่กำหนดไว้และเจ้าของ ASIC จะทำการขุดทั้งหมดให้คุณ ซึ่งสัญญาจะรวมถึงสิทธิ์ที่จำเป็นทั้งหมดและการเข้าถึงผลตอบแทนที่คุณคาดหวัง คำแนะนำคือ การขุดแบบ cloud mining มักจะมีประโยคที่ผู้ให้บริการการขุดสามารถยกเลิกสัญญาได้ หากเหมาะสมกับพวกเขา ดังนั้นให้จับตาดูในข้อนี้ด้วย
นอกเหนือจาก mining pool แล้ว Bitcoin.com ยังเสนอแพ็คเกจการขุดแบบ cloud mining ที่แตกต่างกันด้วย โดยแพ็คเกจระดับเริ่มต้นจะเสียค่าใช้จ่ายที่เกือบ ๆ $140 ต่อปี โดยมีอัตรา 2 Th/วินาที และผลตอบแทนที่คาดว่าจะได้รับคือ $197.44 ส่วนแพ็คเกจที่ใหญ่ที่สุดจะมีราคาเกือบ $2,100 โดยให้ 30 Th/วินาที ต่อปีและให้เงินคืนเกือบ $2,360
ในปัจจุบัน IQ Mining เสนอแพ็คเกจที่ใหญ่ที่สุด ซึ่งก็คือสัญญา Diamond ที่ให้ petahash ทั้งหมดต่อวินาทีแก่คุณในราคา $76,050 ต่อปี และมอบเงินคืนให้คุณ $98,570